นี่เป็นหนึ่งในคำถามยอดฮิตจากผู้ปกครองที่มักจะถามครูพิมค่ะ โดยครูพิมให้คำตอบผู้ปกครองทั้งหลายไปว่า “เด็กควรไปโรงเรียนเมื่อไหร่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุ ไม่มีคำตอบตายตัว เพราะทั้งหมดอยู่ที่ความพร้อมของเด็กค่ะ” นักจิตวิทยาเด็กและผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการรวมไปถึงตัวครูพิมเอง จะให้ความสำคัญกับเรื่องของความพร้อมของเด็กเป็นหลักค่ะ เพราะแม้ว่าเด็กจะมีช่วงอายุที่ (ดูเหมือน) จะพร้อมแล้วสำหรับการไปโรงเรียน ซึ่งโดยเฉลี่ยจะอยู่ที่ประมาณ 2.5 ขวบ แต่อายุ “มิได้บ่งบอกถึงความพร้อม” สำหรับการไปโรงเรียนเสมอไปค่ะ
Smartphones-Tablets กับเด็กเล็ก คุณค่าหรือยาพิษ?
ชีวิตความเป็น “คนเมือง” ที่มากขึ้นของพ่อแม่ ทำให้ผู้ปกครองส่วนใหญ่มีเวลาในการเลี้ยงดูลูกด้วยตนเองน้อยลง ใช้เวลานอกบ้านในการทำงาน หาเงิน มากขึ้น และใช้เวลาในบ้านกับการจัดการธุระปะปังต่างๆ …รวมไปถึงงานบ้านงานเรือนที่ดูมากโข สรุปก็คือ เป็นพ่อแม่ (ยุคนี้) ช่างยุ่งเสียจริงหนอ เมื่อชีวิตมันยุ่ง เราต่างก็คิดว่า ทำไงดีหละ ให้ลูกยังมีความบันเทิงอยู่ ให้ลูกดูแลตัวเอง (?) ได้ ให้ลูกอยู่นิ่งๆ อาห์…เจ้าหน้าจอสี่เหลี่ยมพวกนี้นี่ไง ตัวช่วยของเรา!
กอดลูกอย่างไรให้ทรงพลัง
การกอด เป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ครูพิมชอบมากค่ะ โดยเฉพาะเวลากอดเด็กเล็กๆ ทั้งด้วยความหมั่นเขี้ยวและเอ็นดู เวลากอดเด็กตัวนิ่มๆ นี่จะรู้สึกดีมาก เหมือนได้เติมพลัง ทำให้เรามีความสุขเพิ่มขึ้นอีกเยอะเลย ครูพิมเองก็เชื่อว่า พ่อแม่ทุกคนรวมถึงใครก็ตามที่ได้มีโอกาสใช้เวลาอยู่กับเจ้าตัวเล็ก ย่อมอยากที่จะกอดจะหอมเป็นธรรมดา แต่ก็มีหลายๆ ครั้งค่ะ ที่การแสดงความรักอย่าง “การกอด” นั้น ถูกละเลยไปอย่างน่าเสียดาย
แบ่งกันเล่น จำเป็นไหม?
“น้องมุก แบ่งเพื่อนเล่นบ้างสิคะ” … “น้องปั้น อันนี้ไม่ใช่ของเราคนเดียวนะลูก” เหล่านี้คือบทสนทนา ซึ่งบางครั้งมาพร้อมกับเสียงดุๆ ของผู้เป็นแม่ (หรือบางทีก็พ่อ) ที่ครูพิมมักได้ยินจนชินหู ส่วนประโยคที่ว่า “ถามจริงๆ เถอะ เราจำเป็นต้องให้เด็กๆ แบ่งของเล่นกันไหม?” คือคำถามที่เพื่อนสนิทของครูพิมเอ่ยถามด้วยความสงสัยขั้นสุด